นักเก็งกำไรแตกต่างจากนักลงทุน
เพราะพวกเขาไม่นำตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการไหลของกระแสเงิน กำไรต่อหุ้น
จำนวนหนี้สิน แนวโน้มธุรกิจในอนาคต
หรืออย่างอื่นที่เกี่ยวกับสถานะของบริษัท
พวกเขาไม่สนว่าใครจะมองพวกเขายังไง
จะดูถูกว่าการเล่นแบบนี้ไม่มีวันรวยได้แค่ค่ากับข้าวก็แล้วแต่
คำพูดเหล่านี้ไม่เคยทำให้พวกเขาหวั่นไหวแต่อย่างใด
เพราะพวกเขารู้ดีว่าพวกเขาสามารถทำเงินจากการเก็งกำไรได้แค่ไหน
นักเก็งกำไรจะสนใจเฉพาะราคาหุ้น ไม่ใช่มูลค่าของหุ้น ใน
การเก็งกำไร "มูลค่าหุ้น" หมายถึงการซื้อหุ้น 1-2 ช่วงราคาก่อนคนอื่น
ความได้เปรียบอันนี้จะทำให้มีกำไรในกระเป๋าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคุณขายมัน
ออกไปในอีกไมกี่นาทีข้างหน้าแล้วก็เริ่มต้นการเทรดใหม่
นัก
ลงทุนที่มีประสบการณ์หลายคนคิดว่าพวกเขาสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลาย
เป็นนักเก็งกำไรได้อย่างง่ายๆ เพราะพวกเขารู้เกี่ยวกับหุ้นและตลาดดี
แต่การเปลี่ยนสไตล์นั้นยากมากหากไม่มีความพยายามพอ
Roy
Sidikman
เริ่มต้นการทำงานด้วยการเป็นนายหน้าค้าหุ้นหลังจบการศึกษาในระดับ
มหาวิทยาลัย
การทำงานดังกล่าวทำให้เขาได้สั่งสมประสบการณ์เกี่ยวกับหุ้นและการเคลื่อนไหว
ของตลาดอย่างลึกซึ้ง
มองออกถึงรูปแบบของราคาและหยั่งรู้ถึงนิสัยของหุ้นที่สัมผัสอยู่บ่อยๆ
หลัง
จากทำงานได้สองปี ซิดิกแมน ตัดสินใจลาออก
เนื่องจากเขาเห็นเพื่อนคนหนึ่งสามารถทำเงินได้ดีมากในฐานะนักเก็งกำไรทาง
internet ซึ่งในปี 1995
อาชีพนี้ยังถือว่าเป็นมุมมืดของตลาดที่อยู่ท่ามกลางมืออาชีพและนักลงทุน
ซิดิกแมนตัดสินใจทุบกระปุกของเขาที่มีเงินอยู่ประมาณ $50,000
และหยิบยืมพ่อของเขาอีกส่วนนึง
จากนั้นจึงเริ่มต้นชีวิตนักเก็งกำไรในห้องค้าแห่งหนึ่งในเมือง New Jersey
หลัง
จากนั้น 6 สัปดาห์ เงินมากกว่าครึ่งหนึ่งของเขาถูกดูดเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์
จุดนี้แหละที่นักลงทุนหน้าใหม่มักจะถอยกลับไปเลียบาดแผลด้วยอารมณ์บ่จอย
แต่นั่นไม่ใช่กับ ซิดิกแมน
เขาต่อสู้เพื่อการกลับมาอีกครั้งด้วยความระมัดระวังและวางแผนอย่างเป็นระบบ
เขาเรียนรู้ถึงการยืดหยุ่นไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
ความรู้และประสบการณ์จากภูมิหลังของเขาในตลาดหุ้นช่วยให้เกิดความมั่นใจและ
ผลักดันเขาให้เดินไปข้างหน้า ผลที่เขาได้รับก็คือ
เขาเปลี่ยนจากนายหน้าค้าหุ้นมาเป็นนักเก็งกำไรอย่างเต็มตัวและก็ไม่เคยหัน
กลับไปมองอดีตอีกเลย
"ใน
ตอนเริ่มแรกของผมจบลงด้วยการขาดทุนที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนทั้งหมด
ที่ผมมีอยู่และก็ต้องบากหน้าไปขอยืมเงินจากเพื่อนฝูงมาอีก จากจุดนี้เอง
ผมเริ่มฝึกฝนตัวเองใหม่ด้วยการเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก
ผมเรียนอย่างหนัก อ่านหนังสือแทบทุกเล่ม
แล้วผมก็กลับเข้ามาในตลาดหุ้นอีกครั้ง
ตั้งแต่นั้นมาผมขาดทุนเพียงเดือนเดียวตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมา
ผมเริ่มต้นภาคที่สองของผมด้วยการเทรดครั้งละน้อยๆ และมีความสุขกับกำไรวันละ
$500 แล้วผมก็พยายามให้มันเพิ่มเป็น $1,000 ต่อวันอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากนั้นจากวันละ $1,000 ก็จะเพิ่มเป็นวันละ $2,000 โดยอัตโนมัติ
และบางวันที่ตลาดดีๆผมสามารถทำได้ถึง $10,000 "
ซิดิกแมนศึกษาและพัฒนาจนมีความก้าวหน้าไปมากในฐานนักเก็งกำไรโดยอาศัยทักษะและประสบการณ์มาช่วย เขาทำสองสิ่งมาประสานกันด้วยการปล่อยให้กำไรโตขึ้นเรื่อยๆและตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว
"
การเก็งกำไรเหมือนกับการเล่นเกม สำหรับนักเก็งกำไรที่อยู่ระดับแนวหน้า
พวกเขามีประสาทสัมผัสที่รวดเร็วกับตลาดที่นักเก็งกำไรมือใหม่ไม่มี
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปซึ่งผมต้องเรียนรู้
สิ่งเหล่านี้ด้วยเงินที่ขาดทุนไป การเริ่มต้นเป็นนักเก็งกำไรของผมก็มีผลลัพธ์เหมือนคนอีกหลายๆคนที่ต้องหมดกำลังใจ แต่ผมขอแนะนำนักเก็งกำไรที่เพิ่งเข้ามาใหม่ว่าอย่าเพิ่งท้อแท้ใจ เมื่อขาดทุนก็คิดเสียว่ามันเป็นค่าเล่าเรียนไปแล้วกัน"
การ
ยอมรับความผิดพลาดเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคน
แม้แต่พวกนักเก็งกำไรก็ไม่มีข้อยกเว้น ข้อแก้ตัวที่ใช้กันมากที่สุดก็คือ
เมื่อพวกเขาพลาดก็มักคิดว่า "ฉันยอมถือหุ้นไว้แม้มันได้ขาดทุนไป 10%
แล้วก็ตาม เดี๊ยวราคามันก็เด้งขึ้นมาเอง"
แล้วพวกเขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลพื้ฐานของกิจการ
สร้างความหวังว่าราคาที่ซื้อนั้นเหมาะสมแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผิด
เพราะว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสำหรับนักเก็งกำไร
รวมถึง ซิดิกแมน เขายอมขายหุ้นทิ้งไปทันทีเมื่อมันวิ่งสวนทางกับเขา
โดยยอมขาดทุนเพียงเล็กน้อยเพราะเขาถือว่าเขามาที่นี่เพื่อเก็งกำไรเท่านั้น
และเขาไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งถือหุ้นที่ไม่ทำประโยชน์ให้กับเขา
จริงอยู่ที่ราคาอาจจะมีการปรับตัวขึ้นมา ซึ่งมันอาจใช้เวลาหลายวัน
แต่ในขณะเดียวกันเขาเชื่อว่ามันยังมีหุ้นอีกมากมายในตลาดที่สามารถสร้าง
โอกาสทำกำไรให้กับเขาได้เช่นกัน
"คุณ
ต้องเป็นคนที่ยืดหยุ่นในทุกๆวัน ผมต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาด
วิธีการแบบไหนที่สามารถทำกำไรให้ผมได้มากที่สุดในวันนี้ บางวันกำไรแค่ 1
ถึง 2 ช่วงราคา บางวันเจอแจ็คพอร์ตเข้าไปเต็มๆกำไรเป็นกอบเป็นกำ
โชคชะจาของชีวิตนักเก้งกำไรก็เป็นแบบนี้แหละ บางวันขาดทุน $1,000
ก็ถือว่าเป็นวันที่ดีมากๆ
นักเก็งกำไรที่ดีต้องสามารถแยกแยะให้ออกว่าวันไหนเป็นวันที่ดีหรือวันที่แย่
วันไหนมีโอกาสได้หรือเสียมากกว่ากัน
ปัญหาใหญ่ของนักลงทุนหน้าใหม่คือพวกเขาสามารถทำเงินในวันที่ดีได้ $2,000
แต่ไปขาดทุน $4,000 ในวันที่ตลาดแย่
พวกมืออาชีพรู้ดีว่าวันไหนไม่ค่อยดีและไม่มีเหตุผลที่จะหวังกำไรเยอะๆในวัน
นั้น กำไรได้ 1 ถึง 2 ช่วงราคาก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว"
หาก
จะถามว่าวันไหน? เป็นวันของนักเก็งกำไร
ก็คงเป็นวันที่ตลาดมีการแกว่งตัวอย่างรุนแรงพร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่
มหาศาลนั่นเอง จงรอคอยการเคลื่อนไหวที่รุนแรง
ถ้ามันไม่เกิดขึ้นก็จงอย่าเล่นเลยหรือไม่ก็เล่นแต่น้อย
คูรต้องเล่นเกมรุกในวันที่มีเงินเต็มตลาด
และถ้าไม่มีเงินในตลาดให้ทำก็อย่าพยายามบังคับตัวเองให้หาเงินในวันนั้น
เพราะมันจะเป็นวันที่คุณอาจต้องเสียเงินแทน
นัก
เก็งกำไรส่วนใหญ่จะศึกษาเพื่อเรียนรู้นิสัยของหุ้นว่าเมื่อไรหุ้นตัวนี้จะ
วิ่ง ลักษณะการวิ่งเป้นอย่างไร
และคุณต้องทำอย่างไรเมื่อราคาวิ่งไปทางใดทางหนึ่งอย่างรุนแรง
อันนี้แน่นอนที่สุด
หุ้นแต่ละตัวย่อมมีความแตกต่างกันไปและหุ้นทุกตัวย่อมมีวงจรของมัน
หุ้นบางตัวเล่นได้เกือบทุกวัน บางตัวก็เล่นได้เดือนละครั้ง
หรือไตรมาสละครั้ง
เขาเคยทำเงินจากหุ้นตัวหนึ่งที่เคยซื้อขายกันอย่างหนาแน่นในช่วงหนึ่ง
หลังจากนั้นมันก็แทบไม่เคลื่อนไหวอีกเลย
ซึ่งแน่นอนเขาก็ไม่ยอมเสียเวลาไปกับมันอีกต่อไป
แต่เมื่อไรที่มันเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวเขาก็พร้อมจะกลับเข้าไปเล่นกับมัน
ใหม่
"ที่
ที่ผมต้องการจะไปคือที่ที่ผมคิดว่าได้เปรียบคนอื่นๆ
บางครั้งเมื่อมีข่าวดีคุณก็ต้องช่วงชิงความได้เปรียบ
แต่การเล่นตามข่าวก็มีศิลปะของมัน
พวกมือใหม่ทั้งหลายจะถูกกดดันให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพราะว่าพวกเจา
มักเข้าไปซื้อในขณะที่ราคาหุ้นกำลังถูกไล่เข้าไปใกล้จุดสูงสุดของมันแล้ว
และเมื่อราคาเริ่มปรับตัวลงมาพวกเขาก็ตกใจขายมันไปตรงจุดต่ำจุดของตลาด"
สำหรับ
เขา เมื่อมีข่าวดีเข้ามาในตลาด เขาจะพยายามซื้อในจังหวะที่ถูกต้อง
แต่ถ้าซื้อไม่ทันเขาก็จะปล่อยมันไป บ่อยครั้งที่ราคามักติดลบเมื่อมีข่าวดี
เนื่องจากรายใหญ่มักจะดาหน้ากันเข้ามาขายกันในวันนั้น
ดังนั้นพวกมือใหม่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อมีข่าวดีและคำแนะนำต่างๆของโบรกเกอร์
เพราะทั้งสองสิ่งนี้คือ "นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่" ในตลาดหุ้นสำหรับมือใหม่
แน่นอนที่สุดว่าทั้งหมดในการเล่นหุ้นก็คือการเล่นเกม มันเป็นเกมที่ดุเดือดเผ็ดมันบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ "ผม
ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรมากไปกว่านี้ ผมเพียงแค่กด enter แล้วก็ทำเงิน
มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากในสิ่งที่พวกผมทำอยู่
ปมไม่เคยดิตเลยว่าสิ่งที่พวกผมทำอยู่ทุกวันนี้มันจะเป็นไปได้
และคงไม่มีอาชีพอะไรในโลกนี้อีกแล้วที่ผมอยากทำ
นอกจากการเผ็นนักเก็งกำไรรายวัน"
ขอขอบคุณ http://2binvestor.blogspot.com