วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Rate of return (จาก Edward 0 thorp)

วันนี้เราจะมาพูดกันต่อเรื่อง math พื้นฐานก่อนเช่นเคยซึ่งเป้นเรื่องๆที่หลายๆคนคิดไม่ถึงแล้วมองข้ามไป นั่นคือ Rate of return ซึ่งในที่นี้หมายถึงผลตอบแทนตามความเป็นจริงที่เราควรจะได้นั่นเอง สมมุติว่าเราเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนต่อ 1 สัญญา เท่าๆกันทุกคนเพื่อให้ง่ายต่อการมองภาพเช่นเดิม 50$ มีจำนวนตนที่อยุ่ในตลาดทั้งสิ้น 100 คน จำนวนเงินที่นำมาลงกันคือ 50*100=5000$ ลองนึกภาพดูง่ายๆว่าแต่ล่ะคนจะคาดหวังผลตอบแทนเท่าไรจากเงินลงทุนเพียงแค่ 50$ ง่ายๆเลยทุกคนหวังผลตอบแทนไม่ต่อกว่า 100$ ต่อเดือนแน่นอน ทีนี้คิดแบบน้อยๆเลยแล้วกันคือ 100$/เดือน เป็น rate of return ต่ำสุดที่ทุกคนคาดหวัง ดังนั้น มีผู้เล่นในตลาด 100 คน ต่างคาดหวังจำนวนเงิน (100$+50$ ต้นทุน)*100คน = 15,000$ ดังนั้นมีเม็ดเงินที่เกินความเป็นจริง หรือเม็ดเงินในอากาศที่คนเราคาดหวังอยุ่สูงถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว คือ 15,000 - 5000 = 10,000 เงินส่วนเกินนี่เองที่ผู้แพ้จะต้องรับผิดชอบไปหามา หรือโปะเข้าไป

จากตรงนี้เรามาดูกันว่าได้อะไรต่อไป พวกกองทุนมองเห้นอะไรจากพื้นฐานแค่นี้ สมมุติว่าไอ้ผู้เล่น 100 คนประกอบไปด้วยกองทุนต่างๆ 20 คน พวกนี้เป็นกลุ่มคนที่มีวินัยตั้ง rate of return ไวที่ค่าต่ำสุดของค่าความคาดหวังของผู้คนในตลาดคือ 100$ ต่อเดือน พอได้ถึงเป้าแล้ว 20 คนนี้ก็หอบเอาเงินตามเป้าที่ตัวเองตั้งใจไว้ออกไป ซึ่งก็คือ (100+50)*20 = 3000 $ เราจะเห็นว่ากลุ่มคนเพียง 20 % ที่คาดหวังผลกำไรต่ำสุดสามารถกินเงินในตลาดไปเกินครึ่ง นี่เป็นอีกบทพิสูจน์นึงว่าทำไม 90%ในตลาดถึงผลรวมพอรตโฟลิโอขาดทุน จากตรงนี้เราจึงต้องปรับ rate of return ของเราให้เหมาะสมอยุ่เสมอ ไม่มากจนเกินไปนัก แต่ถ้าน้อยมากไปเราก็จะเสียโอกาส คำถามคือ คุณคิดว่า เงินเพียง 50$ ที่เอามาลงทุนเนี่ยมันควรได้ผลตอบแทนสักแค่ไหนกันเชียวลองมองถึงความเป็น จริง ควรได้ 1หมื่น หรอ หรือ 1 พัน ถ้าตลาดให้ผลตอบแทนเป็นหลายร้อยเท่าของเงินทุนคุณขนาดนั้นถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมธนาคารหรือสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลกถึงไม่ค่อยนำเงินมาลงทุนในตลาดนี้ หรือลงทุนในจำนวนที่ไม่มากนักทั้งๆที่เค้ามีเครื่องมือที่พร้อมมากกว่าและ บุคคลากรที่ดีกว่า นั่นก็เพราะเค้าทราบดีว่าในตลาดนี้แท้จริงแล้วความเสี่ยงกับผลตอบแทนที่ได้ มันไม่คุ้มกับหลักการบริหารความเสี่ยงนั่นเอง แถมยังต้องไปเจอพวกหิวกระหายเลือดเช่นเฮดฟันด์ต่างๆยิ่งทำให้โอกาสชนะยากไป ทุกที

ทีนี้สืบเนื่องมาจากตลาดเป็นภาวะ dynamic มีคนเติมเงินเข้าละออกอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ภาพรวมของสมการพื้นฐานที่เรามอง เสียไป ทำให้ดูเหมือนมีผลตอบแทน หรือเม็ดเงินให้เราได้อย่างสม่ำเสมอ คำตอบแล้วคือใช่ ตลาดมีผลตอบแทนให้เราได้อย่างสม่ำเสมอถ้าเราเข้าใจหลักการ rate of return อย่างแท้จริงนั่นเอง โดยที่ตลาดจะสลับไปมาระหว่างผู้ซื้อกำไร (long) กับช่วงที่ผู้ขายกำไร(short)
จากหลักการนี้เราข้ามมาดูว่าพวกเฮดฟันด์คิด ยังไงดีกว่า ไม่ต้องสนใจรายย่อยของตลาดซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นเหยื่อ เรามาลองดูหลักการบริหารของพวกนี้กัน พวกเค้าเข้าใจดีว่าตลาดมันธรรมชาติเป็นอย่างไร แต่ทำไมถึงไม่มีหนังสืออธิบายการทำงานของพวกเค้าอย่างละเอียดมาให้คนธรรมดา ได้เข้าใจบ้างตลอดเวลาหลายๆ 100 ปีมานี้ ก็เพราะว่าเราเป็นลุกค้าหรือเหยื่อที่ดีให้กับพวกเค้านั่นเอง เราทำงานประจำทุกเดือนเพื่อมาเสียบางส่วนให้กับตลาดพวกนี้ ดังนั้นคุณคิดหรอว่าเจ้ามือบ่อนจะบอกถึงกลวิธีการนับไพ่หรือสลับไพ่แก่คุณ

ซึ่งกฏเหล่านี้พวกนักพนันอาชีพหรือแม้แต่ผมเองเข้าใจดี

1. คุณจะทำให้คนส่วนมากกำไรไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าคนส่วนมากกำไรมีโอกาสที่คนพวกนั้นจะเอาเงินออกไปทุกเมื่อ หลายคนอาจเถียงถึงภาวะตลาดหุ้นที่บูมที่ทุกคนต่างก็ได้กำไร แล้วคุณมองว่ากำไรที่ได้มานั้นมันอยุ่นานมั้ย หลังจากภาวะที่ตลาดหุ้นบูมรายย่อยหลายๆคนต่างก็ล้มละลายเพราะเค้าทำให้คุณ คิดว่าเงินมันมาง่ายง่ายๆเหลือเกิน นั่นหล่ะ เทคนิคที่ 2

2. ถ้าจะทำให้คนจำนวนมากได้กำไร ต้องมีเหตุผลที่ดีมากพอที่ไม่ให้เค้าออกจากตลาดหรือจากบ่อน เพื่อที่ทำให้คนจำนวนมากเรานั้นต่างหลงมัวเมาอยุ่ในภาวะอันน่าพิศวงนั่นเอง ท้ายสุดนี้พวกนี้ก็จะเอาทุกอย่างไปจากคุณอยู่ดีทั้งต้นทั้งดอก


ขอขอบคุึณ http://mudleygroup.blogspot.com