วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ช่วงเวลาไหนของวันที่เหมาะสมในการเทรด forex



บทสรุป สำหรับเทรดเดอร์ forex จำนวนมาก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน คือ ในช่วงเวลาตลาด Asian คู่เงินของยุโรป เช่น EUR/USD แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมที่สุด


เราได้วิเคราะห์บัญชีจริงของลูกค้า FXCM กว่า 12 ล้านบัญชี และเราได้พบว่าเทรดเดอร์สามารถทำกำไรและขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญตามช่วงเวลาของวัน จากข้อมูลพบว่าเทรดเดอร์จำนวนมากเป็นเทรดเดอร์แบบ Range Trader ซึ่งความสำหร็จและความล้มเหลวของเขาจะขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาด ในความเป็นจริงปัญหาของสไตล์การเทรดแบบนี้ คือการเทรดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม

เทรดเดอร์ forex จำนวนมากประสบความสำเร็จในช่วงเวลาหลังจากตลาด US ,ตลาด Asian หรือช่วงต้นของตลาดยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วง 2 PM ถึง 6 AM Eastern Time (นิวยอร์ก) ซึ่งก็คือ 7 PM ถึง 11 AM ของ UK Time
 

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ ? เราได้จดบัญทึกจากเทรดเดอร์กว่าพันคน กราฟด้านล่างจะแสดงให้เห็นถึแนวโน้มของลูกค้า FXCM จากปี 2009 – 2010 กราฟแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของเทรดเดอร์ และแสดงคู่เงินที่เป็นที่นิยม 5 คู่

 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Chart_3.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?



สถิติการทำกำไรภายในวันอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน แต่รูปแบบในระยะยาวจะมีความเสถียร แล้วแต่ละช่วงเวลาของวันมีผลอย่างไรต่อการทำกำไรของเทรดเดอร์ล่ะ


คุณจะสามารถสังเกตเห็นในช่วงเวลาที่เทรดเดอร์มีประสิทธิภาพคือเส้นแนวโน้มพุ่งขึ้นกับชั่วโมงการเทรดที่มีความผันผวนต่ำ จะเห็นได้ว่าเทรดเดอร์มีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ดีในช่วงเวลาของตลาด Asian และกราฟด้านล่างจะแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของเงินสกุลยูโรมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวน้อยกว่าเมื่อผานช่วงเวลานี้ไป

 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Picture_4.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?



กลยุทธ์ Range trading หมายถึงกลยุทธ์ที่ ซื้อถูก/ขายแพง ถ้าค่าเงินตกลงมาและอยู่ใกล้กับแนวรับที่มีนัยสำคัญ เทรดเดอร์ก็จะซื้อ และเช่นกันเมื่อค่าเงินวิ่งขึ้นไปเทรดเดอร์ก็จะขาย กลยุทธ์นี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวรับและแนวต้านผ่านไปได้

และแน่นอนว่าถ้าราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านออกไปเทรดเดอร์ต้องแย่แน่ๆ เราจะหลีกเลี่ยงสภาวะตลาดที่แย่สำหรับสไตล์การเทรดแบบนี้ได้อย่างไร ?


มีตัวชี้วัดหรือไม่ว่าชั่วโมงไหนควรซื้อขาย ?

แน่นอน ,มีตัวชี้วัดมากมาย

เรามีโมเดลที่จะใช้ในการเทรด โดยเราได้ทดลองประสิทธิภาพในการเทรดคู่เงิน EUR/USD ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 ปี แต่ผลที่ออกมานั้นไม่ดีเลย



When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Chart_2.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?

กฎในการเทรดด้วยกลยุทธ์ RSI

กฎการซื้อ: เมื่อ RSI ตัดเหนือ 30

กฎการขาย: เมื่อ RSI ตัดต่ำกว่า 70


ตอนนี้ปัจจัยด้านเวลากลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เรารู้ว่าแนวโน้มของค่าเงินยูโรจะไหวน้อยลงเมื่อผ่านชั่วโมงหลักไป ต่อไปเราจะใช้ประโยชน์จากการเทรดในชั่วโมงที่มีความผันผวนต่ำ

กราฟต่อไปเราจะมาเปรียบเทียบ 2 กลยุทธ์ แต่จะต่างกันที่เส้นสีเขียวจะไม่เทรดในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงของแต่ละวัน คือ 6 AM ถึง 2 PM Eastern time (11 AM ถึง 7 PM London time)



 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Object_8.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?

กฎในการเทรดด้วยกลยุทธ์ RSI เฉพาะช่วงเวลา Asian

กฎการซื้อ: เมื่อ RSI ตัดเหนือ 30

กฎการขาย: เมื่อ RSI ตัดต่ำกว่า 70


แล้วคู่เงินอื่นล่ะเป็นอย่างไร ?

 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Picture_9.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?


เราได้ทดลองเช่นดียวกันกับคู่เงิน USD/JPY แต่ปรากฏว่าได้ผลที่แย่


 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Chart_10.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?


เราพบว่าตัวกรองเวลาได้จะได้ผลดีกับค่าเงินสกุลยูโร เช่น EUR/USD และ USD/CHF และตัวกรองเวลายังทำงานได้ดีกับ GBP/USD  ซึ่งเราอาจจะต้องเทรดในช่วง 2 PM ถึง 6 AM

โชคร้ายการใช้ตัวกรองเวลาของเราไม่เหมาะกับค่าเงิน  Asian ซึ่งการทดสอบของเรากับค่าเงิน  USD/JPY AUD/USD และ NZD/USD ไม่สามารถที่จะทำให้กราฟเงินทุนเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุที่ว่าคู่เงินเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวมากในช่วงเวลาของตลาด Asian


การวางแผน

เราจะเทรดค่าเงินยูโรในช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำด้วยกลยุทธ์ Rang trading ในช่วงเวลา 2 PM ถึง 6 AM Eastern time (11 AM ถึง 7 PM London time)

 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนใจเปิดบัญชีเทรด Forex กับโบรกเกอร์ Exness คลิ๊ก 

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดวงไม่ดีก็รวยได้




 
 มีโอกาสเจอรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกัน เขาซื้อหนังสือที่ผมเขียนไปอ่านจนจบ เลยสนใจอยากมาลงทุนในตลาดหุ้น พูดคุยกันพอประมาณ แต่ผมติดใจคำแรกที่พี่เขาเอื้อนเอ่ยออกมามาก นั้นคือ เขาบอกว่า "เขาอยากไปเสี่ยงดวงในตลาดหุ้น" เผื่อว่าจะรวยเป็นเศรษฐีบ้าง

ได้ฟังคำแรกก็รู้แล้วว่าเริ่มต้นไม่ถูก เพราะถ้ามองการลงทุนเป็นการเสี่ยงดวง หรือจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยดวง แบบนั้นโอกาสจะไปถึงเป้าหมายนั้นยาก เพราะ จิตใจเราคิดถึงแต่ออฟชั่นเสริม หรือทางลัดที่มานำพาเราไปยังเป้าหมาย มันไม่ใช่การไปถึงเป้าหมายด้วยตนเอง สุดท้ายนักลงทุนที่คิดแบบนี้หนีไม่พ้นการบูชาวัตถุมงคล ของขลัง ซื้อหุ้นตามคนอื่น แบบหวังเสี่ยงดวง บางวันดวงดีได้กำไรนิดหน่อย อีกวันขาดทุนหนัก และก็โทษว่าดวงไม่ดี สุดท้ายทั้งปี มีแต่เสียเงินขาดทุน


ตั้งต้นไม่ถูกผิดหมด
เพราะอะไรนะหรือครับ เพราะถ้าไปตั้งต้นที่ดวงชะตา(ตัวแทนของสิ่งที่มองไม่เห็น) แล้วนั้น เราก็จะไม่ตระหนักถึงการพัฒนาศักยภาพตัวเราจริงๆ ไม่เรียนรู้ ไม่ฝึกฝน ไม่อดทน ไม่พยายาม พอแพ้พอผิดหวังก็โทษดวง โทษฟ้าตลอดไป

การลงทุนไม่ใช่การเสี่ยงดวง เพราะการเสี่ยงดวงมันคือการเลือก การทำตามอารมณ์ตามความรู้สึก แต่เมื่อคิดจะลงทุนทุกอย่างมันมีเหตุมีผล มีเงื่อนไขการเลือกหุ้น การซื้อ การขายชัดเจน ที่ระบบการลงทุนที่ เราสามารถจับต้องได้ ถ่ายทอดได้ สิ่งนี้เป็น ความจริงสากล ที่ยอมรับกัน ไม่เกี่ยวกับ ดวงชะตาของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่นั้นกองทุนเฮ็ดฟันด์ ถ้าผู้จัดการกองทุน เกิดดวงตก ก็คงต้องขาดทุนป่นปี้แน่นอน หรือกลับกันถ้าหวังพึ่งดวงชะตาของใครคนใด คนหนึ่ง กองทุนเฮ็ดฟันด์ขนาดใหญ่ก็คงทำงานไม่ได้ เพราะต้องไปติดกับใครคนใดคนหนึ่ง
การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ไม่ใช่เสี่ยงดวง
แล้วที่เขาพูดกันว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ใช่เสี่ยงดวงหรือ?? ตอบคือไม่ใช่ครับ คนละเรื่อง ความคิดว่าอยากจะรวยก็ต้องลุ้นโชคใหญ่ ต้องเสี่ยงโชค มันไม่เกี่ยวกันเลย ความเสี่ยง(Risk) ในการลงทุน มันคือความเสี่ยงแบบเป็นเชิงปริมาณ จับต้อง บริหารจัดการได้ ต่างจาก เรื่องของดวงชะตา (เพราะมันไม่มีตัวตน) เมื่อความเสี่ยงในตลาดหุ้น มันเป็นเชิงปริมาณ เราสามารถใช้คณิตศาสตร์โมเดลได้ เราก็จัดการกับความเสี่ยง และกระจายความเสี่ยงเพื่อลดผลเสียหายได้เสมอ

มองการลงทุนแบบหลักความน่าจะเป็น(เป็นเรื่องของสถิติ) แน่นอนว่าเราไม่สามารถซื้อหุ้น 10 ครั้งแล้วจะ ชนะได้กำไรทั้ง 10 ครั้ง แต่เราก็สามารถทำกำไร หรือสร้างผลประโยชน์ จากตัวที่เข้า win ได้เสมอ แล้วด้วย องค์ความรู้จากการวิเคราะห์หุ้นและการเลือกจังหวะ ซื้อขายได้ถูก มันจะทำให้ เรากำไรจากตัวชนะได้เสมอ ได้มากเพียงพอ แม้ว่าเราจะดวงไม่ดี หรือดวงกุดเลือกหุ้นถูกต้องเพียงไม่กี่ครั้ง
ตัวอย่างภาพนี้เป็นผลการเทรด ของระบบเทรดในตลาดทองคำ(Gold Future) ของผม เป็นระบบลงทุนที่ความถูกต้องต่ำ ความน่าจะเป็นของการชนะ(%win) ที่ 60% หมายความว่า 10 ครั้งทายถูกแต่ 6 ผิดถึง 4 เรียกว่าความแม่นยำระดับไม่สูง แต่ผลตอบแทนที่ได้ก็ชนะตลาด ทำกำไรได้ให้พอร์ตเติบโตอย่างมีนัยยะ 

เพื่อ ให้แน่นอนผมทดสอบต่อ อีก 2 เดือน ด้วยระบบเดิม(ให้เริ่มต้นที่เงินต้น 200 เหรียญเท่ากัน) เพื่อทดสอบสมมติฐานว่า ผลกำไรที่ได้มัน random walk หรือใช้ดวงจริงหรือไม่ 
รอบ พย. 2012 รอบนี้ %win= 76, MaxDD = 4%

รอบ มค. 2013 รอบนี้ %win= 72, MaxDD = 6.7%

ซึ่ง ผลการทำงานของระบบเทรด ทดสอบการเข้า order ถึง 132 ครั้งระยะเวลา 3 เดือน ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ผลตอบแทนกำไรที่ได้นั้นไม่ได้เกิดเพราะผมดวงดี แต่เกิดจากการวางแผนกลยุทธการลงทุนเป็นระบบ ถูกจังหวะ ถูกสภาวะแนวโน้ม ที่สำคัญมีการบริหารจัดการความเสี่ยง การควบคุม Drawdown ในระดับต่ำ(Max DD = 10% average DD ที่ 8.9 %) สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องขององค์ความรู้ และประสบการณ์ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในตลาดหุ้นหรือตลาดเก็งกำไรต่างๆ 

หลาย คนอ่านมาตรงนี้ถ้ายังสงสัยอีก ว่าผม "เล่นของขลัง"จึงดวงดี อยู่แล้วมั้ง ก็ยืนยันเลยไม่เกี่ยว เพราะที่ทดสอบผมเขียนโปรแกรม สร้าง EA Robot ให้มันเทรด บนระบบ automatic trading system ดังนั้นคนไม่เกี่ยว เราใช้องค์ความรู้ สร้าง algorithm ให้ robot อย่างเดียว ดังนั้น ยืนยัน 100% ดวงไม่เกี่ยว ไม่ใช่การเสี่ยงดวงหรือโชคชะตาอะไรทั้งนั้น


รวยได้เพราะดวง
เมื่อมองจาก จำนวนคนประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นมี %น้อย แล้วเอาไปเทียบกับคนที่ถูกหวยรางวัลที่ 1 ซึ่งมี %น้อยเช่นกัน ถ้ามองแบบนั้นก็เลยไปอนุมานว่าคนประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้นคือคนดวงดี 

ถ้ามองไปที่เซียนหุ้นระดับโลก นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ แล้วไปสรุปว่าพวกเขาเหล่านี้ดวงดีถึงได้รวย(พวกเราไม่รวยเพราะดวงไม่ดี) มันคงเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม เพราะถ้าลองศึกษาประวัติพวกเขาเหล่านั้น ล้วนผ่านช่วงยากลำบากมาทั้งนั้น บางคนต้องพยายามติดกับ ความล้มเหลวมาหลายปี ไม่ต่างกับคนทั่วไปในตลาด

แต่คุณสมบัติหนึ่งของคนจะประสบความสำเร็จนั้นคือ ความพยายามแบบไม่ท้อถอย เมื่อเขาไม่ล้มเลิก บวกกับการพัฒนาตนเอง เรียนรู้จากสิ่งผิดพลาด จนมีความพร้อมมีประสบการณ์ และเมื่อสภาวะตลาดหุ้นอำนวย นั้นทำให้เขาสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดี ที่สูง สามารรถสร้างฐานะ เงินทอง จนประสบความสำเร็จ แบบที่เราเห็นทุกวันนี้

เซียนหุ้นคนหนึ่งที่ชื่นชอบมาก นั้นคือ Jesse Livermore เจ้าของฉายา "Great Bear of Wall Street" เขาเป็นลูกเกษตรกร ยากจน เรียนไม่จบไฮสกูล แต่เขาสามารถเป็นเศรษฐีเงินล้านได้่ จากการลงทุนในตลาดหุ้นมาเกือบ 30 ปี แถมชีวิตการลงทุนก็ไม่ธรรมดา ผาดโผนยิ่งนัก

จากนักลงทุนวัย 20 ต้นๆ ที่เข้ามา wall street ด้วยเงินไม่กี่ร้อยเหรียญใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะมีเงินล้าน เมื่อมีเงินล้านแล้วยังขาดทุนหมดตัว จากนั้นก็กลับมารวยเงินล้านอีกครั้งตอนตลาดกระทิงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ( World War I bull market) และทำกำไรมหาศาลจากการ short sell ตอน Great Depression ได้กำไรหลัก 100 ล้านเหรียญ 

หลังจากนั้นปี 1935 เขาขาดทุนจนเกือบหมดตัวอีกรอบ แต่ด้วยการกระจายความเสี่ยงเอากำไรไปซื้อพันธบัตร ทำให้เขายังมีสินทรัพย์หลักล้านเหรียญ แม้จะเกิดกับเขาแบบนั้น เขายังไม่เคยโทษโชคชะตาสักนิด

ในหนังสือ "Reminiscences of a Stock Operator" ของเขา เขาเขียนชัดเจนว่า สิ่งที่ทำให้เขาผิดพลาดขาดทุนหมดตัว ไม่ใช่เพราะดวงแต่เป็นเพราะ ตัวเขาเองที่โลภและไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ แน่นอนว่าในช่วงที่เขารวยทีเงินล้านได้ถึง 2 ครั้งก็ไม่ใช่เพราะดวงดี แต่เป็นเพราะเขาทำการบ้านติดตามราคาหุ้น ติดตามวิเคราะห์ตลาด อย่างเป็นระบบ เขาได้ถ่ายทอดวิธีการลงทุนและนวคิดการลงทุนของเขาไว้ในหนังสือ 

สรุป
สรุปตรงนี้เลยแล้วกันครับ ถ้าอยากจะรวย อยากประสบความสำเร็จ อย่าไปงมงายเรื่องดวง แต่จงเชื่อในเรื่องของ "กรรม" รวยได้เกิดขึ้นเพราะกรรมดี จากการฝึกฝน การอดทน การพยายาม ทำให้มากกว่าคนอื่น มุมานะเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ถ้าเราพยายามไม่ยอมแพ้ เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต วางแผนการลงทุนอย่างเป็นระบบ มีกลยุทธ เหมาะสมกับจริตเรา ต่อให้ทั้งชีวิตเราดวงซวย ห่วยขั้นเทพ แพ้มาตลอด ยังไงก็ต้องชนะได้ครับ เพราะตลาดหุ้นมันเคลื่อนไหวแบบมีวัฏจักร รอบกระทิง แม้จะรอนาน แต่มันมีมาเสมอถ้าเราเตรียมตัวเราให้พร้อม ไม่ท้อไม่ถอดใจไปเสียก่อน

นักพนันโป๊กเกอร์มืออาชีพ(Professional Gambling) ที่หากินกับบ่อนในลาสเวกัส เวลาเขาไปหาเงิน เขายังไม่เรียกว่าไปเสี่ยงดวงเลย (เพราะเขาไม่ใช่ดวงแต่ใช้ความสามารถ ใช้แผนกลยุทธ์) แล้วเราเป็นนักลงทุนห่างจากการพนันตั้งไกล จะมาใส่ใจ กังวลใจกับดวงชะตาทำไม จริงไหมครับ 
 
ขอขอบคุณ http://www.cway-investment.com/2013/02/blog-post_5259.html