1.การเคลื่อนที่ของวอลุ่มและราคามักจะเป็นไปตามแนวโน้ม
ดังนั้นแนวโน้มขาขึ้น แรงซื้อ ต้องมากกว่าแรงขาย ดังนั้นแท่งเทียนที่ปรับตัวขึ้นบวกต้องมีวอลุ่มมากกว่าแท่งเทียนที่ปรับตัวลง
ส่วน
แนวโน้มขาลง แรงขายต้องมากกว่าแรงซื้อ ดังนั้น แท่งเทียนสีดำ
(หรือแท่งสีแดง)ที่บอกภาพลบต้องมีวอลุ่มมากกว่าแท่งเทียนที่เป็นภาพซื้อสี
ขาว ในตลอดแนวโน้มขาลง

หาก
ภาพของวอลุ่มไม่สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าวแล้ว
ก็อาจจะเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่จะ
เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้
2.เมื่อวอลุ่มเคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกับราคา จะบ่งบอกถึง Trend หรือแนวโน้มข้างหน้าว่ากำลังเปลี่ยนไป
เช่น
เมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นทำ New high ใหม่
ในแต่ละรอบ แต่กลับมี ปริมาณการซื้อขายที่น้อยลง
ก็บ่งบอกว่าแนวโน้มขาขึ้นที่เห็นนั้นกำลังอ่อนแรง
และอาจเปลี่ยนแนวโน้มได้ในไม่ช้า (เสมือนพลุที่หมดเชื้อเพลิง)
ส่วน
แนวโน้มในตลาดขาลงที่มีวอลุ่ม เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
ก็จะบ่งบอกถึงแรงขายได้ใกล้หมดลงแล้ว
จึงทำให้แรงซื้อจะกลับมาชนะแรงขายอีกครั้ง
และตลาดจะปรับตัวเป็นขาขึ้นอีกรอบ

ซึ่งตัวอย่างเหล่านี้เป็นพื้นฐานขั้นต้นที่นักลงทุนจะต้องเรียนรู้และใช้ประกอบในการตัดสินใจการลงทุนทุกครั้ง
โดย
การวิเคราะห์โดยละเอียดและให้แม่นยำนั้น
ต้องศึกษาและสังเกตุพฤติกรรมหุ้นในหลายๆรูปแบบ
รวมถึงจะต้องเห็นกราฟในรูปแบบซ้ำในหุ้นหลายๆตัว
เพื่อเพิ่มทักษะในการวิเคราะห์