คำถาม: เล่น Forex แล้วได้เงินจริงหรือเปล่า ?
คำถาม: Pips หรือ Points คืออะไร?
คำถาม: Margin คืออะไร?
คำถาม: Long และ Short คืออะไร?
คำถาม: Stop-Loss (SL) คืออะไร?
คำถาม: Target (Take Profit/TP) คืออะไร?
คำถาม: การตั้งซื้อขายแบบ Limit / Stop คืออะไร?
คำถาม: เวลาเปิดให้เทรดได้เวลาไหน และปิดเวลาใด?
คำถาม: เปิดซื้อขายทิ้งไว้ แล้วออกโปรแกรมไป หรือไฟดับ จะเป็นอะไรไหม?
คำถาม: Spread (2/3 pips) คืออะไร?
คำถาม: Leverage (ที่เห็น 1:100, 1:200) คืออะไร?
ตอบ: ได้จริงและเสียจริงครับ
อยู่ที่ว่าคุณทำได้หรือเปล่า มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
คุณต้องขยันศึกษาหาความรู้ หาเทคนิคในการทำกำไร
มีหลายคนทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทำเป็นอาชีพหลักได้เลย อยู่ที่การฝึกฝนครับ
เหมือนเป็นอาชีพหนึ่งถ้าคุณตั้งใจ การเล่น Forex จะคล้ายๆ การเล่นหุ้น
แต่เป็นการซื้อขายค่าเงินระหว่างคู่เงินแทน เป็นการเก็งกำไรจากค่าเงิน
ตลาดเงินจะคล่องตัวกว่าตลาดหุ้นมาก ใน Eglobal-Forex
จะมีเงินปลอมให้ทดลองเทรด ควรศึก ษาให้เข้าใจก่อน
แล้วจึงเล่นด้วยเงินจริงครับ
ขยันศึกษา+ฝึกฝน+มีระเบียบวินัย+การบริหารความเสี่ยง
จะทำให้ประสบความสำเร็จใน Forex ได้ครับ
คำตอบ: Pip (Price Interest Point) หรือ
Point (จุด) คือ ค่าต่ำสุดของราคา ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ซึ่งก็คือจุดทศนิยมหลักสุดท้ายของราคานั่นเอง เช่น EUR/USD ราคาอยู่ที่
1.3630 เมื่อราคาขึ้นไปเป็น 1.3631 หรือ USD/JPY ราคาอยู่ที่ 115.70
ขึ้นไปเป็น 115.71 ก็คือขึ้นไป 1 Pip หรือ 1 point
คำตอบ: คือวงเงินของเรา จะมี Available Margin= วงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้, Used Margin= วงเงินที่เราใช้ไป
สูตร -> Available Margin = เงินในบัญชี - Used Margin + Profit
เมื่อ เริ่มต้นเรามีเงินฟรี $5
ยังไม่ได้เทรด Used Margin เป็น 0 เราก็จะมี Available Margin=5.0
ถ้าเราทำการเทรดซื้อ EUR/USD ไป $1 จะเกิด Used Margin=1.0 และเหลือ
Available Margin เกือบ 4.0 (เนื่องจากถูกหักค่า Spread 2 pips
เป็นค่าติดลบใน Profit) ถ้าราคาขึ้นไปจนเราได้กำไร +10 point เราจะได้
Profit=0.1 ค่า Available Margin จะเพิ่มเป็น 4.1 point ถ้าราคา +
ขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะได้ Available Margin เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางกลับกัน
ถ้าเราขาดทุน ค่า Profit จะติด - และ Available Margin เราจะลดลงแทน
หากเราไม่ตัดขาดทุนจะลดลงไปเรื่อยๆ จน Margin
เกือบหมดเราจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ เรียกว่า Margin Call
โดนไปทีแทบไม่เหลืออะไรเลย จึงควรรักษา Margin ไว้ให้ดี
มีชัยไปกว่าครึ่งครับ ^^
คำ ตอบ: Long คือ ซื้อไว้แล้วขาย
หลักคือเราต้องซื้อไว้ที่ราคาถูกแล้วไปขายที่ราคาแพงกว่า
เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่าง ตอนเราเปิด Long ก็คือ ส่งคำสั่งซื้อ หรือ Send
Buy Order ไปที่ Marketiva และจะเกิด Long Position ขึ้น
Short คือ ขายออกแล้วซื้อกลับ
หลักคือเราขายออกไปก่อนที่ราคาสูง แล้วไปซื้อกลับคืนเมื่อราคาต่ำกว่า
เราก็จะได้กำไรที่ส่วนต่าง ตอนเราเปิด Short ก็คือ ส่งคำสั่งขาย หรือ Send
Sell Order ไปที่ Marketiva และจะเกิด Short Position ขึ้น
ตลาด Forex จะต่างจากตลาดหุ้น
คือสามารถเทรดได้ทั้งสองทาง ทั้งซื้อและขาย เล่นได้ทั้ง ขาขึ้น และขาลง
ตลาดหุ้นซื้อได้อย่างเดียว เล่นได้แต่ขาขึ้น
ถ้าเป็นขาลงต้องนอนรออย่างเดียว
คำตอบ: Stop Loss ปกติจะเห็นในห้องแชทพิมพ์ว่า SL (sl) คือจุดที่เรายอมขาดทุน ตรงข้ามกับ TP
- Buy (Long) Order ค่า Stop Loss
จะตั้งไว้ต่ำกว่าราคาที่เราซื้อ ถ้าราคาลดลงไปถึงจุดที่กำหนด
จะถูกปิดออเดอร์ทันที เพื่อตัดขาดทุน เช่น เราซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.3630
เรายอมขาดทุนได้ 30 จุด ก็ตั้ง SL ไว้ที่ 1.3600
ถ้าราคาไม่ขึ้นตามที่เราตั้งใจแต่กลับลดลงมาถึง 1.3600 เราก็จะขาดทุนเพียง
30 จุด ถ้าเราไม่ตัดขาดทุน ราคาอาจจะลดลงไปมากกว่านี้เยอะ
- Sell (Short) Order จะตั้ง Stop Loss ไว้สูงกว่าราคาที่เราเปิด Sell ถ้าราคาขึ้นไปถึงจุดนั้น จะถูกปิดโดยอัตโนมัติ
คำตอบ: Target หรือ TP (Take Profit) คือเป้าหมายกำไรที่เราต้องการ ตรงข้ามกับ SL
- Buy (Long) Order
เราจะได้กำไรเมื่อราคาปรับขึ้น เราอาจใช้แนวต้าน เป็นเป้าหมายทำกำไร
เมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดนั้น จะถูกขายออกโดยอัตโนมัติ
- Sell (Short) Order
เราจะได้กำไรเมื่อราคาปรับลดลง เราอาจใช้แนวรับเป็นเป้าหมาย
เมื่อราคาลงไปถึงจุดนั้น จะถูกปิดออเดอร์ โดยอัตโนมัติ
คำตอบ: เป็นการตั้งซื้อขายไว้ล่วงหน้า หรือ Pending Order จะยังไม่มี Position เกิดขึ้น
Limit Order ใช้ตั้ง
ซื้อที่ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน หรือ ตั้งขายที่ราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน
ตัวอย่างถ้าตอนนี้ EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.2953/55
ถ้าเราคิดว่ามันเป็นเทรนขาขึ้น และราคาแพงเกินไป
เราอยากซื้อราคาต่ำกว่านี้แต่ไม่ว่างนั่งดู เราอาจตั้ง Buy Limit Order
ไว้ที่ราคา 1.2945 ถ้าราคาลดลงมาถึงจุดก็จะถูกซื้อโดยอัตโนมัติ
และเมื่อราคาขึ้นไปตามคาด เราก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้นถึง 10 จุด สำหรับ Sell
Limit ก็กลับกัน
Stop Order คือ
ตั้งซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน หรือ
ตั้งขายที่ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน
ใช้เมื่อเราไม่ว่างนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าจอเทรด และใช้สำหรับจับเทรน ตัวอย่าง
EUR/USD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2953/55 เราคิดว่าถ้าราคาผ่านแนวต้านที่
1.2963/65 ขึ้นไป (Breakout) แล้วน่าจะขึ้นไปต่อ เราอาจตั้ง Buy Stop Order
ไว้ที่ 1.2970 เมื่อราคาทะลุขึ้นไปก็จะซื้อให้อัตโนมัติ สำหรับ Sell Stop
ก็กลับกันครับ ถ้าคิดว่าจะหลุดแนวรับเราก็ตั้ง Sell Stop Order
ไว้ใต้แนวรับ
คำตอบ: ตลาดเปิดให้เทรดเวลา 4.00 เช้าวันจันทร์ ไปจนถึงปิดเวลา 4.00 น. เช้าวันเสาร์ สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำตอบ: ไม่เป็นไรครับ
ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่ทางโบรกเกอร์ เมื่อเรากลับเข้ามาอีกที อาจจะ + เป็น
100 หรือ - เป็น 100 ก็ได้ตามราคาตลาดในตอนนั้น
หรือแม้แต่เปิดทิ้งไว้จนถึงปิดตลาดเช้าวันเสาร์ พอวันจันทร์ตลาดเปิด ก็ยัง +
- ไปตามราคาตลาดต่อไป จนกว่าเราจะสั่งปิดเอง หรือ ราคาชน Target หรือ
ราคาชน Stop-Loss หรือ ถูก Margin Call เพราะ margin หมด
คำตอบ: ที่เห็น 2 pips หรือ 3 pips for
EUR/USD เป็นผลต่างระหว่าง ราคาซื้อ (Bid) กับราคาขาย (Offer) ครับ
ตอนที่เราซื้อเราจะซื้อที่ราคาขาย (Offer บางโบรกเกอร์ เรียกว่า Ask)
พอจะขายก็ต้องขายที่ราคาซื้อ (Bid) นะครับ ยกตัวอย่าง ร้านทองก็มี
ราคาซื้อ-ราคาขาย ติดไว้ที่หน้าร้าน เวลาคุณจะไปซื้อทอง
ก็ต้องซื้อที่ราคาขาย (Offer) พอจะขายคืนก็ต้องขายให้ที่ราคาที่เค้ารับซื้อ
(ฺBid) ถ้าซื้อแล้วขายเลยก็ขาดทุนแน่ๆ ครับ
เพราะราคารับซื้อเค้าจะต่ำกว่าราคาขาย ใน Forex ก็คล้ายๆกัน
จะเห็นว่าพอเราเปิดซื้อขายมาออเดอร์นึง จะลบทันที 2 จุด (pips) สำหรับ
EUR/USD ใน Marketiva เหมือนเป็นค่าต๋งนะแหละครับ ยังไงเปิดมาก็ต้องลบ
EUR/USD ปกติจะมี Spread ต่ำสุด
แล้วแต่ว่าแต่ละโบรกเกอร์จะกำหนดเท่าไหร่ครับ บางโบรกเกอร์ก็ 3 pips
สำหรับตัวอื่นค่า Spread ส่วนมากก็จะมากกว่านี้ครับ เช่น GBP/USD 4 pips
หรือตัวที่วิ่งเยอะๆ เช่น GBP/JPY ถึง 8 pips เปิดมา -8 ทันทีเลยครับ ^_^
คำตอบ: Lever แปลว่า คาน Leverage แปลตรงตัว = กำลังคาน ครับ
สำหรับ ใน Forex ค่า Leverage
เป็นตัวช่วยเวลาเราลงทุนครับ เป็นการให้ Margin เราเพิ่มตอนเทรด ยกตัวอย่าง
ถ้าเราจะเทรด 100 หน่วยของ USD/JPY เราต้องใช้เงินถึง $100 ดอลลาร์
(Leverage 1:1) ถ้าโบรกเกอร์ให้ Leverage เรา 1:100 ก็คือ
เราใช้เงินลงทุนเพียง $100/100=$1 หรือใช้เงินเพียง 1 ดอลลาร์เท่านั้น
แล้วมีผลยังไง? 1:100 เราลงทุน 1$
เหมือนลงทุนไป 100$ ทำให้เราได้กำไร (หรือขาดทุน)
เพิ่มขึ้นด้วยเงินเพียงนิดเดียว ถ้า Leverage มากขึ้น ก็ยิ่ง
กำไรขาดทุนมากขึ้นไปอีกครับ ที่เงินลงทุนเท่ากัน ยิ่ง Leverage เยอะเวลา -
ยิ่งขาดทุนเยอะนะครับ ต้องระวังไว้ด้วย
ในโบรกเกอร์ จะมีการกำหนด Leverage
ที่ต่างกันแล้วแต่ทางโบรกเกอร์เค้าครับ 1:100, 1:200 หรือ บางโบรกเกอร์
1:500 ก็มี สำหรับ Marketiva จะมีค่า 1:100 ครับ ถ้าเราซื้อ EUR/USD $1
ถ้าราคาขึ้นไป 10 จุดแล้วขาย เราก็จะได้กำไร $0.1 ถ้าไม่มีค่า Leverage
หรือเป็น 1:1 เราจะได้กำไรเพียง $0.001 เท่านั้น