บทสรุป : เทรดเดอร์เทรดถูกทางมากกว่า 50% แต่พวกเขายังคงเสียเงิน เทรดเดอร์ควรมีจุดสต๊อปและจำกัดการขาดทุน โดยใช้อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอย่างน้อย 1:1 หรือมากกว่า
ค่าเงินดอลล่าร์เคลื่อนที่ต้านค่าเงินยูโรและค่าเงินอื่นๆ
ซึ่งทำให้การเทรด forex เป็นที่นิยมมากกว่าการเทรดอื่นๆ
ซึ่งการไหลทะลักของเทรดเดอร์หน้าใหม่
ก็มีจำนวนเท่ากับการไหลออกของเทรดเดอร์ที่มีอยู่แล้วในตลาด
ทำไมการเคลื่อนไหวของค่าเงินทำให้เทรดเดอร์เสียเงิน เพื่อค้นหาคำตอบ
การวิจัยของ DailyFX ได้รวบรวมข้อมูลการเทรดของเทรดเดอร์จาก FXCM กว่า 1000 แอคเค้าท์
ในหัวข้อนี้เราจะมาค้นหาสิ่งที่เทรดเดอร์ทำผิดพลาดมากที่สุด และวิธีการเทรดที่เหมาะสม
ทำไมเทรดเดอร์ forex จึงทำในสิ่งที่ผิดพลาด
เทรดเดอณ์หลายคนที่เทรดตลาดเงิน มีประสบการณ์มาจากการเทรดตลาดอื่น ซึ่งมีทักษะในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดี
ในความเป็นจริงค่าเงินที่เป็นที่นิยมที่สุดในการเทรด เทรดเดอร์มีโอกาสเทรดถูกทางมากกว่า
50%
ชาร์ตข้างบนแสดงให้เห็นถึงข้อมูลการเทรดของเทรดเดอร์กว่า
12 ล้าน แอคเค้าท์ ซึ่งเป็นลูกค้าของ FXCM ทั่วโลกในปี
2009 และ 2010 ซึ่งได้แสดงคู่เงินที่เป็นที่นิยมเทรดที่สุดของลูกค้า 15 คู่ แท่งสีน้ำเงิน
แสดงเปอร์เซ็นต์ชนะ แท่งสีแดงแสดงเปอร์เซ็นต์แพ้ ตัวอย่างในคู่เงิน EUR/USD
ซึ่งเป็นค่าเงินที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ในตัวอย่างของลูกค้า FXCM พวกเขามีเปอร์เซ็นต์ชนะถึง 59% และมีเปอร์เซ็นต์แพ้ที่ 41%
ดังนั้นพวกเขามีโอกาสที่จะชนะมากกว่าครึ่งหนึ่ง
แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เทรดเดอร์ผิดพลาดในการเทรด
จากชาร์ตข้างบนสามารถอธิบายได้ว่า
แท่งสีน้ำเงินแสดงจำนวนจุดเฉลี่ยที่เทรดเดอร์ได้กำไร
และแท่งสีแดงแทนจำนวนจุดเฉลี่ยที่เทรดเดอร์ขาดทุน
ซึ่งทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าทำไมเทรดเดอร์ถึงขาดทุนถึงแม้ว่าพวกเขามีโอกาสที่จะชนะมากกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม
นั่นคือ พวกเขาเสียเงินตอนที่เขาแพ้ มากกว่าได้เงินตอนที่พวกเขาชนะ
ทีนี้เราจะไปดูตัวอย่างของ
EUR/USD
เรารู้ว่าโอกาสชนะในการเทรด EUR/USD อยู่ที่
59% โดยเทรดเดอร์จะเสีย 127 จุด เมื่อเขาเทรดแพ้ และได้ 65 จุด เมื่อพวกเขาเทรดชนะ
ขณะที่พวกเขาเทรดชนะมากกว่าครึ่งหนึ่ง แต่พวกเขาเสียเป็นสองเท่าเมื่อพวกเขาเทรดแพ้
เมื่อมาดูในคู่เงิน
GBP/JPY
ยิ่งแย่ไปกว่านั้น เทรดเดอร์มีโอกาสเทรดชนะถึง 66% อย่างไรก็ตามเทรดเดอร์เสียเงิน เพราะว่าเมื่อพวกเขาเทรดชนะพวกเขาจะได้
52 จุดโดยเฉลี่ย และเมื่อพวกเขาแพ้ เขาจะเสีย 122 จุด โดยเฉลี่ย
ตัดขาดทุนให้เร็วและปล่อยให้กำไรวิ่งไป
หนังสือจำนวนมากแนะนำให้เทรดเดอร์ทำตามนี้
เมื่อคุณเทรดพลาด คุณควรตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว มันจะดีมาก ถ้าคุณเสียน้อยๆในตอนแรก
ดีกว่าเสียมากๆทีหลัง เมื่อคุณเทรดถูกทางจงอย่ากลัวที่จะปล่อยให้กำไรวิ่งไป ซึ่งมันจะสามารถทำกำไรให้คุณได้อย่างมาก
นี่อาจจะเป็นประโยคง่ายๆ
“จงทำในสิ่งที่ถูกต้องให้มากและจงทำในสิ่งที่ผิพลาดให้น้อย”
แต่ธรรมชาติของมนุษย์มักจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม พวกเราต้องการเป็นผู้ถูกต้อง
โดยธรรมชาติพวกเรามักจะถือออเดอร์ที่ขาดทุน โดยหวังว่ามันจะกลับมาและการเทรดครั้งนั้นของเราถูกต้อง
ในขณะที่พฤติกรรมการทำกำไรของพวกเรามักจะทำอย่างรวดเร็ว
เพราะว่าพวกเรากลัวการสูญเสียกำไรที่เราได้รับ ในการเทรดมีหลายสิ่งที่สำคัญมากกว่าการเทรดให้ถูกต้อง
ดังนั้นตัดขาดทุนให้เร็วและปล่อยให้กำไรวิ่งไป
แล้วจะทำมันอย่างไรละ
:
ทำตามกฎนี้เลย
เมื่อทำการเทรดให้ทำตามกฎนี้เสมอ
คือการมองหาผลตอบแทนที่มากกว่าความเสี่ยง นี่คือคำแนะนำที่มีประโยชน์มากซึ่งจะพบได้ในหนังสือเกี่ยวกับการเทรดแทบจะทุกเล่ม
โดยทั่วไปมันถูกเรียกว่า “อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน” ถ้าความเสี่ยงและผลตอบแทนของคุณมีค่าเท่ากัน
นั่นจะมีอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเท่ากับ 1:1 ถ้าคุณมีเป้าการทำกำไรที่ 80 จุด และมีจุดตัดขาดทุนที่ 40 จุด นั่นจะมีอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเท่ากับ
1:2 ถ้าคุณทำตามกฎข้อนี้ได้ คุณต้องการโอกาสถูกแต่ 50% เท่านั้น
แต่คุณก็ยังสามารถทำกำไรได้
แล้วอัตราส่วนที่ควรใช้อยู่ที่เท่าไหร่ล่ะ? มันขึ้นอยู่กับรูปแบบการเทรดของคุณ
ซึ่งคุณควรใช้อัตราเสี่ยงอย่างต่ำที่สุดคือ 1:1 โดยทั่วไปกลยุทธ์ในการทรดที่มีความน่าจะเป็นสูง
เช่น กลยุทธการเทรดเป็นช่วง คุณจะต้องใช้อัตราส่วนต่ำ บางทีอยู่ระหว่าง 1:1
ถึง 1:2 สำหรับการเทรดที่มีความน่าจะเป็นต่ำ เช่น
กลยุทธการเทรดตามแนวโน้ม คุณจะต้องใช้อัตราส่วนที่สูง 1:2, 1:3
หรือ 1:4 และจำไว้ว่ายิ่งอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสูงเท่าใด
ก็จะต้องการโอกาสที่จะทำนายทิศทางตลาดถูกน้อยไปเท่านั้น
จงยึดแผนของคุณ
:
ใช้จุดตัดขาดทุน และจำกัดความเสี่ยง
จงจำไว้ว่าพฤติกรรมของมนุษย์โดยธรรมชาติชอบถือออเดอร์ที่ขาดทุนและทำกำไรอย่างรวดเร็วจนเกินไป
เราจะต้องเอาชนะพฤติกรรมเหล่านี้ และกำจัดอารมณ์ออกจาการเทรด
วิธีการที่ดีที่สุดคือการวางแผนจุดตัดขาดทุน และจำกัดความเสี่ยงเสียแต่แรก
การบริหารความเสี่ยงในแนวทางนี้คือสิ่งที่เทรดเดอร์หลายคนเรียกว่า
“money management”
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมีการคาดเดาทิศทางถูกต้องน้อยกว่า 50% แต่พวกเขาปฏิบัติตามการบริหารเงินทุนที่ดี
ด้วยการตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว และปล่อยให้กำไรวิ่งไป
จึงทำให้พวกเขายังคงมีกำไรในการเทรด
กฎข้อนี้ใช้งานได้ดีจริงหรือไม่?
นี่คือเหตุผลที่ช่วยสนับสนุนกฎข้อนี้
คุณสามารถเห็นความแตกต่างของชาร์ตข้างล่างได้อย่างชัดเจน
เส้น
2 เส้นด้านบน แสดงสมมติฐานของผลตอบแทนในการเทรดโดยใช้กลยุทธ์พื้นฐานของ RSI
ในคู่เงิน USD/CHF ในกราฟ 60 นาที
กลยุทธ์นี้ถูกเลียนแบบมาจากการเทรดของลูกค้าของ FXCM ที่มีแนวโน้มจะเป็นการเทรดแบบการเทรดในช่วง
เส้นสีน้ำเงินจะแสดงผลตอบแทนแบบปกติ นั่นก็คือ ผลตอบทนจากการไม่ใช้จุดตัดขาดทุน
และการจำกัดความเสี่ยง เส้นสีแดงคือผลตอบแทนของการใช้จุดตัดขาดทุน
และการจำกัดความเสี่ยง
ระบบโดยทั่วไปของลูกค้า
FXCM
(RAW) จะมีโอกาสที่จะชนะสูง แต่ยังคงเสียเงินมากว่าในตอนที่เทรดแพ้
โดยระบบนี้ (RAW) จะมีโอกาสเทรดถูกถึง 65% แต่มันจะมีการเสียเงินเฉลี่ยอยู่ที่
200 $ และจะมีกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 121 $ เมื่อเทรดชนะ
สำหรับการใช้จุดตัดขาดทุน
และการจำกัดความเสี่ยงในแบบจำลองนี้ เราจะเซ็ตจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 115 จุด
และมีค่าสูงสุดที่ 120 จุด โดยมีอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน คือ 1:1 นี่คือกลยุทธ์ในการเทรดช่วงของ RSI อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ต่ำให้ผลที่ดีมาก
เพราะว่า มันเป็นกลยุทธ์ที่มีความน่าจะเป็นสูงถึง 56%
ในการเปรียบเทียบจะเห็นว่าการใช้จุดตัดขาดทุน
และการจำกัดความเสี่ยงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า การลดลงของเงินทุนมีน้อย
แลกราฟมีความผันผวนน้อย
อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
คือ 1:1 หรือ สูงกว่าจะให้กำไรที่มากกว่า
ในชาร์ตต่อไปเราจะมาดูว่าการเลียนแบบโดยใช้จุดตัดขาดทุนที่ 110 จุด ทุกๆเทรด
ระบบนี้จะมีกำไรที่ดีที่อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:1 ถึง 1:1.5 ในภาพข้างล่าง แกนตั้งคือผลตอบแทน
และแกนนอนคืออัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน คุณจะเห็นว่ากราฟจะแหลมชันที่อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
1:1และเมื่ออัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนมากขึ้นจะทำให้กราฟอ้วนขึ้น
อีกครั้ง,
เนื่องจากว่ากลยุทธ์ในการเทรดด้วยวิธีนี้เป็นกลยุทธ์ที่มีความน่าจะเป็นสูง
ดังนั้นการใช้อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ต่ำจึงทำงานได้ดี เราจะคาดหวังอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนจะมากขึ้นถ้าแนวโน้มสามารถวิ่งไปในทิศทางเดิมได้ไกลกว่าเดิม
แผนของเกมส์นี้ : อะไรคือกลยุทธ์ที่ผมควรใช้
คุณต้องมีจุกตัดขาดทุนเสมอ
และมีอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนประมาณ 1:2 หรือมากกว่า
นั่นคือคุณสามารถทำกำไรได้โดยเทรดให้ถูกทางแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
การวางจุดตัดขาดทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยรูปแบบของกราฟ
เช่น ตามแนวรับและแนวต้าน และคุณสามารถประยุกต์ใช้อัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนในการเทรด
เช่นคุณมีจุดตัดขาดทุนที่ 40 จุด คุณก็ควรมีจุดทำกำไรที่ 40 หรือมากกว่านั้น คุณมีจุดตัดขาดทุนที่
500 จุด คุณก็ควรมีจุดทำกำไรที่ 500 หรือมากกว่านั้น
กลยุทธ์ของแบบจำลองนี้
กฎการเข้า ; เมื่อ RSI อยู่เหนือ 30 จะเข้าบายเมื่อเกิดแท่งเทียนใหม่ และเมื่อ RSI อยู่ต่ำกว่า 70 จะเข้าเซลเมื่อเกิดแท่งเทียนใหม่
กฎการออก ; จะออกเมื่อมีทิศทางและสัญญาณตรงกันข้าม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนใจเปิดบัญชีเทรด Forex กับโบรกเกอร์ Exness คลิ๊ก